ต่อภาษีรถยนต์ 2569 ออนไลน์ ง่ายๆ แค่ 5 นาที
- สรุปประเด็นสำคัญของการต่อภาษีออนไลน์
- ความสำคัญและหลักการของการชำระภาษีรถยนต์ประจำปี
- การเตรียมความพร้อมก่อนดำเนินการต่อภาษีรถยนต์ออนไลน์ 2569
- ขั้นตอนการต่อภาษีรถยนต์ 2569 ออนไลน์ผ่านเว็บไซต์กรมการขนส่งทางบก
- ช่องทางเสริม: การต่อภาษีผ่านแอปพลิเคชัน DLT Vehicle Tax
- เปรียบเทียบการต่อภาษีรถยนต์ออนไลน์และออฟไลน์
- คำถามที่พบบ่อยและแนวทางการแก้ไข
- บทสรุปและแนวโน้มในอนาคต
การชำระภาษีรถยนต์ประจำปีเป็นหน้าที่สำคัญสำหรับเจ้าของรถทุกคน ในอดีต กระบวนการนี้อาจต้องใช้เวลาในการเดินทางและรอคิวที่สำนักงานขนส่ง แต่ด้วยการพัฒนาระบบดิจิทัลภาครัฐ ทำให้การต่อภาษีรถยนต์สามารถทำได้อย่างสะดวกและรวดเร็วผ่านช่องทางออนไลน์
สรุปประเด็นสำคัญของการต่อภาษีออนไลน์
- ความสะดวกและรวดเร็ว: การดำเนินการต่อภาษีออนไลน์ใช้เวลาเพียง 5-10 นาที สามารถทำได้ทุกที่ทุกเวลาผ่านเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันของกรมการขนส่งทางบก
- เอกสารที่ต้องเตรียม: ข้อมูลสำคัญที่ต้องใช้ประกอบด้วยเล่มทะเบียนรถ (สำหรับตรวจสอบข้อมูลรถ) และรายละเอียดกรมธรรม์ประกันภัยภาคบังคับ (พ.ร.บ.) ที่ยังไม่หมดอายุ
- เงื่อนไขสำหรับรถยนต์เก่า: รถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 คน ที่มีอายุการใช้งานเกิน 7 ปี หรือรถจักรยานยนต์ที่มีอายุเกิน 5 ปี จำเป็นต้องผ่านการตรวจสภาพจากสถานตรวจสภาพรถเอกชน (ตรอ.) ก่อนยื่นชำระภาษีออนไลน์
- ช่องทางการชำระเงินหลากหลาย: รองรับการชำระเงินผ่านบัตรเครดิต/เดบิต, เคาน์เตอร์เซอร์วิส, หรือการสแกน QR Code ผ่านโมบายแบงกิ้ง
- การรับเอกสาร: หลังจากชำระเงินเรียบร้อยแล้ว ป้ายแสดงการเสียภาษีและใบเสร็จรับเงินจะถูกจัดส่งไปยังที่อยู่ที่ลงทะเบียนไว้ทางไปรษณีย์
การ ต่อภาษีรถยนต์ 2569 ออนไลน์ ง่ายๆ แค่ 5 นาที เป็นบริการจากกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) ที่ออกแบบมาเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่เจ้าของรถยนต์และรถจักรยานยนต์ทั่วประเทศ ช่วยลดขั้นตอนและประหยัดเวลาในการปฏิบัติตามข้อบังคับทางกฎหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ระบบนี้สะท้อนให้เห็นถึงการปรับตัวของหน่วยงานภาครัฐในการนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้เพื่อยกระดับการให้บริการประชาชนให้เข้าถึงง่ายและสอดคล้องกับวิถีชีวิตในยุคดิจิทัล
กระบวนการดังกล่าวไม่เพียงแต่ช่วยลดความแออัด ณ ที่ทำการ แต่ยังเพิ่มความโปร่งใสในการทำธุรกรรมทางการเงินและช่วยให้เจ้าของรถสามารถวางแผนการต่อภาษีล่วงหน้าได้ถึง 90 วัน ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับผู้ที่มีภารกิจรัดตัวหรือไม่สะดวกในการเดินทาง การทำความเข้าใจขั้นตอนและเตรียมเอกสารให้พร้อมจึงเป็นกุญแจสำคัญที่จะทำให้การต่อภาษีประจำปีเป็นเรื่องง่ายและเสร็จสมบูรณ์ในเวลาอันสั้น
ความสำคัญและหลักการของการชำระภาษีรถยนต์ประจำปี
การชำระภาษีรถยนต์ประจำปี หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า “การต่อทะเบียนรถยนต์” ไม่ใช่เป็นเพียงการชำระค่าธรรมเนียม แต่เป็นหน้าที่ตามกฎหมายที่ผู้ครอบครองรถทุกคันต้องปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอ การปฏิบัติตามข้อกำหนดนี้ส่งผลโดยตรงต่อความถูกต้องตามกฎหมายในการใช้รถใช้ถนน และยังเป็นแหล่งรายได้สำคัญของภาครัฐ
ภาษีรถยนต์คืออะไร และเหตุผลที่ต้องชำระ
ภาษีรถยนต์คือค่าธรรมเนียมที่รัฐจัดเก็บจากเจ้าของรถตามพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. 2522 เพื่อนำรายได้ไปใช้ในการพัฒนาและบำรุงรักษาระบบคมนาคมของประเทศ เช่น การสร้างถนนใหม่, การซ่อมแซมถนนที่ชำรุด, การติดตั้งและบำรุงรักษาสัญญาณไฟจราจรและป้ายจราจร รวมถึงการพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะให้มีประสิทธิภาพและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น
ดังนั้น การชำระภาษีรถยนต์จึงเปรียบเสมือนการมีส่วนร่วมของประชาชนในการสร้างและดูแลสาธารณูปโภคพื้นฐานที่ทุกคนได้ใช้ประโยชน์ร่วมกัน ป้ายวงกลมที่ได้รับหลังจากการชำระภาษีเป็นเครื่องยืนยันว่ารถคันดังกล่าวได้ปฏิบัติตามกฎหมายและได้รับอนุญาตให้ใช้งานบนท้องถนนได้อย่างถูกต้อง
การชำระภาษีรถยนต์ไม่ได้เป็นเพียงภาระหน้าที่ แต่คือการลงทุนในความปลอดภัยและความสะดวกสบายบนท้องถนนสำหรับทุกคน
ผลกระทบจากการไม่ชำระภาษีรถยนต์ตามกำหนด
การละเลยการชำระภาษีรถยนต์ประจำปีนำมาซึ่งผลกระทบหลายประการ ทั้งในด้านค่าปรับและสถานะทางทะเบียนของรถยนต์ ดังนี้:
- ค่าปรับ: หากชำระภาษีล่าช้า จะมีค่าปรับร้อยละ 1 ต่อเดือนของจำนวนเงินภาษีที่ต้องชำระ เศษของวันจะถูกนับเป็นหนึ่งเดือน
- การถูกระงับทะเบียน: หากขาดการต่อภาษีติดต่อกันเกิน 3 ปี ทะเบียนรถจะถูกระงับโดยอัตโนมัติ ทำให้รถคันดังกล่าวไม่สามารถใช้งานบนท้องถนนได้อีกต่อไป และหากต้องการนำรถกลับมาใช้งาน จะต้องดำเนินการยื่นขอจดทะเบียนใหม่พร้อมชำระภาษีย้อนหลังและค่าปรับทั้งหมด ซึ่งมีขั้นตอนที่ยุ่งยากและมีค่าใช้จ่ายสูง
- ความผิดตามกฎหมายจราจร: การนำรถที่ยังไม่ได้ชำระภาษีมาใช้งานบนท้องถนนถือเป็นความผิดตามกฎหมายจราจร หากถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจเรียกตรวจสอบ จะมีโทษปรับตามที่กฎหมายกำหนด
การเตรียมความพร้อมก่อนดำเนินการต่อภาษีรถยนต์ออนไลน์ 2569

เพื่อให้กระบวนการต่อภาษีรถยนต์ออนไลน์เป็นไปอย่างราบรื่นและรวดเร็ว การเตรียมข้อมูลและตรวจสอบเงื่อนไขของรถยนต์ให้ครบถ้วนเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ซึ่งจะช่วยลดข้อผิดพลาดและป้องกันไม่ให้การยื่นเรื่องถูกปฏิเสธ
เอกสารและข้อมูลที่จำเป็นต้องใช้
ก่อนเริ่มต้นกระบวนการบนเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน ควรเตรียมข้อมูลต่อไปนี้ให้พร้อม:
- สมุดคู่มือจดทะเบียนรถ (เล่มสีน้ำเงินหรือสีเขียว): ใช้สำหรับอ้างอิงข้อมูลที่สำคัญของรถ เช่น หมายเลขตัวถัง, ปีที่จดทะเบียน, และข้อมูลทางเทคนิคอื่นๆ ที่ระบบอาจต้องการเพื่อการยืนยันตัวตนของรถ
- หมายเลขทะเบียนรถและจังหวัดที่จดทะเบียน: เป็นข้อมูลพื้นฐานในการระบุรถยนต์ในระบบ
- ข้อมูลส่วนตัวของเจ้าของรถ: เช่น หมายเลขบัตรประจำตัวประชาชน เพื่อใช้ในการลงทะเบียนและเข้าสู่ระบบ e-Service ของกรมการขนส่งทางบก
- ข้อมูลกรมธรรม์ พ.ร.บ. (ประกันภัยภาคบังคับ): ต้องเป็นกรมธรรม์ที่ยังไม่หมดอายุ โดยต้องเตรียมหมายเลขกรมธรรม์และวันหมดอายุไว้เพื่อกรอกในระบบ
เงื่อนไขเฉพาะสำหรับรถยนต์ประเภทต่างๆ
รถยนต์แต่ละประเภทและแต่ละช่วงอายุมีเงื่อนไขในการต่อภาษีออนไลน์แตกต่างกันไป ดังนี้:
- รถยนต์ใหม่ (อายุไม่เกิน 7 ปี) และรถจักรยานยนต์ใหม่ (อายุไม่เกิน 5 ปี): รถกลุ่มนี้ได้รับการยกเว้นการตรวจสภาพ สามารถดำเนินการยื่นชำระภาษีออนไลน์ได้ทันที หากมี พ.ร.บ. ที่ยังไม่หมดอายุ
- รถยนต์เก่า (อายุเกิน 7 ปี) และรถจักรยานยนต์เก่า (อายุเกิน 5 ปี): รถกลุ่มนี้ต้องผ่านการตรวจสภาพจากสถานตรวจสภาพรถเอกชน (ตรอ.) ที่ได้รับการรับรองจากกรมการขนส่งทางบกก่อน ผลการตรวจสภาพจะถูกส่งเข้าระบบออนไลน์โดยอัตโนมัติ ทำให้เจ้าของรถสามารถดำเนินการต่อภาษีออนไลน์ได้หลังจากนั้น
- รถที่ติดตั้งระบบแก๊ส (LPG/CNG): จำเป็นต้องผ่านการตรวจและทดสอบถังแก๊สและอุปกรณ์ตามระยะเวลาที่กำหนดโดยวิศวกรที่ได้รับใบอนุญาต และต้องมีเอกสารรับรองการตรวจสภาพเพื่อใช้ประกอบการต่อภาษี
การตรวจสอบสถานะ พ.ร.บ. และความสำคัญ
พ.ร.บ. หรือ พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ เป็นประกันภัยภาคบังคับที่รถทุกคันต้องมีตามกฎหมาย เพื่อให้ความคุ้มครองเบื้องต้นแก่ผู้ประสบอุบัติเหตุทางถนน ไม่ว่าจะเป็นผู้ขับขี่ ผู้โดยสาร หรือบุคคลภายนอก การต่อภาษีรถยนต์จะไม่สามารถทำได้หาก พ.ร.บ. หมดอายุ
ก่อนดำเนินการต่อภาษีออนไลน์ ควรตรวจสอบวันหมดอายุของ พ.ร.บ. ให้แน่ใจว่ามีระยะเวลาคุ้มครองเหลือเพียงพอ หากใกล้หมดอายุหรือหมดอายุแล้ว สามารถซื้อ พ.ร.บ. ออนไลน์ได้จากบริษัทประกันภัยต่างๆ หรือซื้อผ่านระบบ e-Service ของกรมการขนส่งทางบกในระหว่างขั้นตอนการต่อภาษีได้เช่นกัน ซึ่งเป็นอีกหนึ่งความสะดวกที่ระบบได้จัดเตรียมไว้ให้
ขั้นตอนการต่อภาษีรถยนต์ 2569 ออนไลน์ผ่านเว็บไซต์กรมการขนส่งทางบก
การชำระภาษีรถยนต์ผ่านเว็บไซต์ e-Service ของกรมการขนส่งทางบกเป็นช่องทางที่ได้รับความนิยมสูงสุด เนื่องจากมีขั้นตอนที่ชัดเจนและสามารถทำได้บนคอมพิวเตอร์ ซึ่งสะดวกต่อการกรอกข้อมูลและตรวจสอบรายละเอียด
ขั้นตอนที่ 1: เข้าสู่ระบบและลงทะเบียน
เริ่มต้นโดยการเข้าไปที่เว็บไซต์บริการภาครัฐของกรมการขนส่งทางบก สำหรับผู้ใช้งานครั้งแรก จำเป็นต้องทำการ “ลงทะเบียนสมาชิกใหม่” โดยกรอกข้อมูลส่วนบุคคล เช่น หมายเลขบัตรประชาชน, ชื่อ-นามสกุล, และข้อมูลติดต่อ เพื่อสร้างบัญชีผู้ใช้งาน เมื่อลงทะเบียนสำเร็จแล้ว ในครั้งถัดไปสามารถใช้หมายเลขบัตรประชาชนและรหัสผ่านที่ตั้งไว้เพื่อ “เข้าสู่ระบบ” ได้ทันที
ขั้นตอนที่ 2: กรอกและยืนยันข้อมูลรถยนต์
หลังจากเข้าสู่ระบบ ให้เลือกเมนู “ชำระภาษีรถประจำปี” จากนั้นระบบจะให้กรอกข้อมูลเพื่อระบุรถยนต์ที่ต้องการชำระภาษี ได้แก่ ประเภทรถ, จังหวัดที่จดทะเบียน, และหมายเลขทะเบียนรถ เมื่อกรอกข้อมูลครบถ้วนแล้ว กดค้นหา ระบบจะแสดงรายละเอียดของรถคันดังกล่าวขึ้นมา เช่น ชื่อผู้ครอบครอง, ลักษณะรถ, และวันสิ้นอายุภาษี ขอให้ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลทั้งหมดอย่างละเอียด
ขั้นตอนที่ 3: ระบุข้อมูล พ.ร.บ.
ในขั้นตอนนี้ ผู้ใช้จะต้องกรอกข้อมูลเกี่ยวกับ พ.ร.บ. ของรถยนต์ หากมี พ.ร.บ. อยู่แล้ว ให้กรอกชื่อบริษัทประกันภัยและหมายเลขกรมธรรม์ลงในช่องที่กำหนด แต่หากยังไม่มี หรือ พ.ร.บ. เดิมใกล้หมดอายุ ระบบจะมีตัวเลือกให้ “ซื้อ พ.ร.บ. ออนไลน์” ซึ่งผู้ใช้สามารถเลือกบริษัทประกันและดำเนินการซื้อให้เสร็จสิ้นภายในระบบได้เลย
ขั้นตอนที่ 4: เลือกช่องทางการชำระเงิน
ระบบจะสรุปยอดค่าภาษี, ค่าจัดส่งเอกสาร และค่าธรรมเนียมอื่นๆ (ถ้ามี) ให้ตรวจสอบ จากนั้นจึงเข้าสู่ขั้นตอนการเลือกวิธีชำระเงิน ซึ่งมีหลายช่องทางให้เลือกตามความสะดวก ได้แก่:
- บัตรเครดิต/เดบิต: สามารถกรอกข้อมูลบัตรเพื่อชำระเงินได้ทันที
- เคาน์เตอร์บริการ: พิมพ์ใบแจ้งชำระเงิน (Pay-in Slip) เพื่อนำไปชำระที่เคาน์เตอร์ธนาคารหรือร้านสะดวกซื้อที่ร่วมรายการ
- QR Code: ระบบจะสร้าง QR Code สำหรับการชำระเงิน สามารถใช้แอปพลิเคชันโมบายแบงกิ้งของธนาคารใดก็ได้สแกนเพื่อชำระเงิน
ขั้นตอนที่ 5: ยืนยันการชำระเงินและรอรับเอกสาร
เมื่อการชำระเงินเสร็จสมบูรณ์ ระบบจะแสดงหลักฐานการชำระเงิน ซึ่งสามารถพิมพ์หรือบันทึกเก็บไว้เป็นหลักฐานได้ หลังจากนั้น กรมการขนส่งทางบกจะดำเนินการจัดส่งเครื่องหมายแสดงการเสียภาษี (ป้ายวงกลม) และใบเสร็จรับเงินฉบับจริงไปยังที่อยู่ที่ได้ลงทะเบียนไว้ทางไปรษณีย์ภายใน 5-7 วันทำการ
ช่องทางเสริม: การต่อภาษีผ่านแอปพลิเคชัน DLT Vehicle Tax
นอกเหนือจากเว็บไซต์ กรมการขนส่งทางบกยังได้พัฒนาแอปพลิเคชัน “DLT Vehicle Tax” เพื่อเพิ่มความสะดวกในการชำระภาษีรถยนต์ผ่านสมาร์ทโฟน ทั้งในระบบปฏิบัติการ iOS และ Android แอปพลิเคชันนี้มีขั้นตอนการทำงานที่คล้ายคลึงกับบนเว็บไซต์ แต่ถูกออกแบบมาให้เหมาะสมกับการใช้งานบนหน้าจอขนาดเล็ก ทำให้สามารถทำธุรกรรมได้ทุกที่ทุกเวลา
จุดเด่นของแอปพลิเคชันคือความสามารถในการแสดงประวัติการชำระภาษี และสร้าง QR Code สำหรับการชำระเงินได้อย่างรวดเร็ว เหมาะสำหรับผู้ที่คุ้นเคยกับการใช้สมาร์ทโฟนในการทำธุรกรรมต่างๆ เป็นประจำ
เปรียบเทียบการต่อภาษีรถยนต์ออนไลน์และออฟไลน์
เพื่อให้เห็นภาพความแตกต่างระหว่างการดำเนินการแบบดั้งเดิมและการใช้ระบบดิจิทัลได้ชัดเจนยิ่งขึ้น สามารถเปรียบเทียบปัจจัยต่างๆ ได้ดังตารางต่อไปนี้
ปัจจัย | การต่อภาษีออนไลน์ | การต่อภาษีออฟไลน์ (ณ สำนักงาน) |
---|---|---|
ความสะดวกสบาย | ดำเนินการได้จากทุกที่ ทุกเวลา ตลอด 24 ชั่วโมง | ต้องเดินทางไปยังสำนักงานขนส่งหรือจุดบริการในเวลาทำการ |
ระยะเวลาดำเนินการ | ประมาณ 5-10 นาทีสำหรับการกรอกข้อมูลและชำระเงิน | อาจใช้เวลาตั้งแต่ 30 นาทีถึงหลายชั่วโมง ขึ้นอยู่กับจำนวนผู้ใช้บริการ |
ค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม | มีค่าธรรมเนียมการจัดส่งเอกสารทางไปรษณีย์ และอาจมีค่าธรรมเนียมการชำระเงิน | มีค่าใช้จ่ายในการเดินทาง เช่น ค่าน้ำมัน ค่าเดินทางสาธารณะ |
การรับเอกสาร | รอรับป้ายภาษีและใบเสร็จทางไปรษณีย์ (ประมาณ 5-7 วันทำการ) | ได้รับป้ายภาษีและใบเสร็จทันทีหลังชำระเงิน |
การเตรียมเอกสาร | ใช้เพียงข้อมูลจากเล่มทะเบียนและ พ.ร.บ. ไม่ต้องใช้เอกสารฉบับจริง | ต้องเตรียมเอกสารฉบับจริงทั้งหมดไปด้วย เช่น สมุดคู่มือจดทะเบียน, สำเนาบัตรประชาชน |
ความเหมาะสม | เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความรวดเร็ว ไม่สะดวกเดินทาง และรถมีคุณสมบัติตรงตามเงื่อนไข | เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเอกสารทันที หรือกรณีที่ต้องดำเนินการเรื่องอื่นๆ ที่สำนักงานไปพร้อมกัน |
คำถามที่พบบ่อยและแนวทางการแก้ไข
แม้ว่าระบบออนไลน์จะถูกออกแบบมาให้ใช้งานง่าย แต่ก็อาจมีข้อสงสัยหรือปัญหาเกิดขึ้นได้ระหว่างการใช้งาน นี่คือคำถามที่พบบ่อยบางส่วนและแนวทางแก้ไข
ต่อภาษีล่วงหน้าได้นานเท่าไหร่?
เจ้าของรถสามารถชำระภาษีรถยนต์ประจำปีล่วงหน้าได้ไม่เกิน 90 วัน ก่อนวันที่ภาษีจะสิ้นอายุ การวางแผนชำระล่วงหน้าช่วยให้มีเวลาเพียงพอสำหรับการรับเอกสารทางไปรษณีย์ และป้องกันการลืมชำระภาษีจนเกินกำหนด
หากข้อมูลในระบบไม่ถูกต้องควรทำอย่างไร?
ในกรณีที่ตรวจสอบแล้วพบว่าข้อมูลรถยนต์ที่แสดงในระบบ e-Service ไม่ถูกต้อง เช่น ชื่อผู้ครอบครองหรือรายละเอียดทางเทคนิคของรถผิดเพี้ยนไป ไม่ควรดำเนินการต่อในระบบออนไลน์ แต่ควรติดต่อสำนักงานขนส่งที่รถคันดังกล่าวจดทะเบียนอยู่โดยตรง เพื่อดำเนินการแก้ไขข้อมูลในฐานข้อมูลให้ถูกต้องเสียก่อน
ระยะเวลาในการจัดส่งเอกสาร
โดยปกติแล้ว กรมการขนส่งทางบกจะใช้เวลาประมาณ 5-7 วันทำการในการจัดส่งป้ายภาษีและใบเสร็จรับเงินทางไปรษณีย์แบบลงทะเบียน หากเกินระยะเวลาดังกล่าวแล้วยังไม่ได้รับเอกสาร ควรติดต่อสอบถามกับสายด่วนของกรมการขนส่งทางบกที่เบอร์ 1584 เพื่อตรวจสอบสถานะการจัดส่ง
บทสรุปและแนวโน้มในอนาคต
บริการ ต่อภาษีรถยนต์ 2569 ออนไลน์ ถือเป็นหนึ่งในความสำเร็จของการพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (e-Government) ที่ช่วยให้การปฏิบัติตามข้อบังคับทางกฎหมายกลายเป็นเรื่องที่ง่ายดาย สะดวก และเข้าถึงได้สำหรับทุกคน ช่วยประหยัดทั้งเวลาและค่าใช้จ่ายในการเดินทางได้อย่างมีนัยสำคัญ
การเตรียมความพร้อมด้านข้อมูลและเอกสาร รวมถึงการทำความเข้าใจเงื่อนไขต่างๆ โดยเฉพาะเรื่องการตรวจสภาพรถสำหรับรถที่มีอายุเกินกำหนด เป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้กระบวนการทั้งหมดสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดีภายในเวลาไม่กี่นาที การเลือกใช้ช่องทางออนไลน์ไม่เพียงแต่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนยุคใหม่ แต่ยังเป็นการสนับสนุนการเปลี่ยนแปลงสู่สังคมดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ ดังนั้น การปรับตัวและเรียนรู้ที่จะใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีเหล่านี้จึงเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับเจ้าของรถทุกคน เพื่อให้การดูแลรักษาสถานะทางทะเบียนของรถยนต์เป็นไปอย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพสูงสุด