ขับ EV เที่ยวปีใหม่! เช็คสถานีชาร์จเส้นทางยอดฮิต
การเดินทางในช่วงเทศกาลปีใหม่ด้วยรถยนต์ไฟฟ้ากำลังเป็นที่นิยมมากขึ้น แต่ความท้าทายสำคัญคือการวางแผนเพื่อให้การเดินทางราบรื่น บทความนี้จะสำรวจวิธี ขับ EV เที่ยวปีใหม่! เช็คสถานีชาร์จเส้นทางยอดฮิต พร้อมแนะนำเครื่องมือและเทคนิคที่จะช่วยให้การเดินทางระยะไกลเป็นไปอย่างสะดวกสบายและไร้กังวล
ภาพรวมของการเดินทางด้วยรถยนต์ไฟฟ้าในช่วงเทศกาล
- การวางแผนคือหัวใจสำคัญ: การตรวจสอบและวางแผนเส้นทางที่มีสถานีชาร์จเพียงพอเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาระหว่างการเดินทางไกลในช่วงที่มีผู้ใช้งานหนาแน่น
- แอปพลิเคชันเป็นเครื่องมือที่ขาดไม่ได้: การใช้แอปพลิเคชันค้นหาสถานีชาร์จแบบเรียลไทม์ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถตรวจสอบตำแหน่ง สถานะความพร้อม และจองคิวล่วงหน้าได้
- เทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้ามีการพัฒนาต่อเนื่อง: รถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ๆ ที่กำลังจะเปิดตัวมีเทคโนโลยีที่รองรับการเดินทางไกลได้ดียิ่งขึ้น ทั้งในด้านระยะทางและระยะเวลาในการชาร์จ
- เลือกจุดพักอย่างชาญฉลาด: การเลือกจุดชาร์จที่มีสิ่งอำนวยความสะดวก เช่น ร้านอาหาร หรือห้องน้ำ จะช่วยให้การรอชาร์จแบตเตอรี่เป็นช่วงเวลาแห่งการพักผ่อนที่มีประสิทธิภาพ
เมื่อเทศกาลปีใหม่ใกล้เข้ามา การวางแผนเดินทางกลับภูมิลำเนาหรือท่องเที่ยวไปยังจังหวัดต่างๆ ถือเป็นกิจกรรมสำคัญสำหรับหลายครอบครัว ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา กระแสความนิยมของรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ในประเทศไทยเติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดด ทำให้การเดินทางไกลด้วยรถ EV กลายเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ อย่างไรก็ตาม การเดินทางในช่วงเวลาที่มีปริมาณรถยนต์หนาแน่นเช่นนี้จำเป็นต้องมีการเตรียมความพร้อมที่แตกต่างจากการใช้รถยนต์สันดาป โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของการจัดการพลังงานและการเข้าถึงสถานีชาร์จ
บทความนี้จัดทำขึ้นเพื่อเป็นแนวทางสำหรับผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้าที่กำลังวางแผนการเดินทางในช่วงเทศกาลปีใหม่ โดยมุ่งเน้นไปที่การให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ในการตรวจสอบสถานีชาร์จบนเส้นทางยอดนิยมทั่วประเทศ ครอบคลุมทั้งภาคเหนือ ภาคอีสาน และภาคใต้ พร้อมทั้งแนะนำแอปพลิเคชันและเคล็ดลับต่างๆ ที่จะช่วยให้การเดินทางด้วยรถยนต์ไฟฟ้าของท่านเป็นไปอย่างราบรื่น มั่นใจ และเต็มไปด้วยความสุขตลอดเส้นทาง
ความสำคัญของการวางแผนก่อนออกเดินทางด้วยรถ EV
การเปลี่ยนผ่านจากรถยนต์สันดาปภายในมาสู่รถยนต์ไฟฟ้าได้เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการเดินทางระยะไกลของผู้คนไปอย่างสิ้นเชิง แม้ว่าเทคโนโลยีแบตเตอรี่จะพัฒนาไปมาก ทำให้รถ EV รุ่นใหม่สามารถวิ่งได้ไกลขึ้นต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง แต่การวางแผนยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่สุดที่จะกำหนดว่าทริปของคุณจะราบรื่นหรือเต็มไปด้วยอุปสรรค โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลที่มีความต้องการใช้งานสถานีชาร์จสูงกว่าปกติหลายเท่าตัว
ทำไมต้องวางแผนการชาร์จล่วงหน้า?
สาเหตุหลักที่ทำให้การวางแผนเป็นสิ่งจำเป็นอันดับแรกคือเพื่อลดความกังวลเกี่ยวกับระยะทางที่รถจะวิ่งได้ หรือที่เรียกว่า “Range Anxiety” การทราบตำแหน่งของสถานีชาร์จล่วงหน้าตลอดเส้นทางจะสร้างความมั่นใจให้กับผู้ขับขี่ นอกจากนี้ ในช่วงเทศกาลปีใหม่ ปริมาณผู้ใช้รถ EV ที่เดินทางพร้อมกันมีจำนวนมาก ส่งผลให้สถานีชาร์จในจุดยุทธศาสตร์อาจมีคิวยาวหรือหัวชาร์จไม่ว่าง การวางแผนโดยมีสถานีชาร์จสำรอง 2-3 แห่งในแต่ละช่วงของระยะทาง จะช่วยลดความเสี่ยงจากการไปถึงสถานีแล้วไม่สามารถชาร์จได้ทันที การจองคิวชาร์จผ่านแอปพลิเคชันล่วงหน้า (หากผู้ให้บริการมีฟังก์ชันนี้) จึงเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ที่ชาญฉลาดเพื่อรับประกันว่าจะมีหัวชาร์จพร้อมให้บริการเมื่อเดินทางไปถึง
ปัจจัยที่ต้องพิจารณาในการเลือกเส้นทางและจุดชาร์จ
นอกจากการระบุตำแหน่งของสถานีชาร์จแล้ว ยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่ควรนำมาพิจารณาประกอบการวางแผน ดังนี้:
- ประเภทของหัวชาร์จ: สถานีชาร์จมีหัวชาร์จสองประเภทหลักคือ AC (กระแสสลับ) และ DC (กระแสตรง) การชาร์จแบบ DC หรือที่เรียกว่า “Fast Charging” จะใช้เวลาน้อยกว่าอย่างมีนัยสำคัญ (ประมาณ 30-60 นาที เพื่อให้ได้แบตเตอรี่ 80%) ซึ่งเหมาะสมกับการเดินทางไกลที่ต้องการทำเวลา ในขณะที่การชาร์จแบบ AC จะใช้เวลานานหลายชั่วโมง เหมาะสำหรับการชาร์จข้ามคืนที่โรงแรมหรือที่พัก การวางแผนจึงควรเน้นไปที่สถานีที่ให้บริการชาร์จแบบ DC เป็นหลัก
- ความหนาแน่นของสถานีชาร์จ: เส้นทางหลักสู่เมืองท่องเที่ยวใหญ่มักมีความหนาแน่นของสถานีชาร์จสูงกว่าเส้นทางรอง ควรเลือกเดินทางในเส้นทางที่มีผู้ให้บริการสถานีชาร์จหลากหลายเจ้า เพื่อเพิ่มทางเลือกและลดความเสี่ยงกรณีที่สถานีของผู้ให้บริการรายใดรายหนึ่งเกิดปัญหา
- สิ่งอำนวยความสะดวกรอบสถานี: เนื่องจากการชาร์จแบบ DC ยังคงต้องใช้เวลาอย่างน้อยครึ่งชั่วโมง การเลือกสถานีชาร์จที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ที่มีสิ่งอำนวยความสะดวก เช่น ร้านอาหาร ร้านกาแฟ ห้องน้ำสะอาด หรือมินิมาร์ท จะช่วยให้ช่วงเวลาที่รอคอยไม่น่าเบื่อและสามารถใช้เวลาพักผ่อนได้อย่างเต็มที่
แอปพลิเคชันตัวช่วยค้นหาสถานีชาร์จ EV ที่ต้องมีติดเครื่อง

ในยุคดิจิทัล สมาร์ทโฟนได้กลายเป็นเครื่องมือสำคัญสำหรับผู้ขับขี่รถยนต์ไฟฟ้า การติดตั้งแอปพลิเคชันค้นหาสถานีชาร์จที่เหมาะสมและเรียนรู้วิธีการใช้งานให้คล่องแคล่ว ถือเป็นการเตรียมความพร้อมที่ดีที่สุดก่อนออกเดินทาง ปัจจุบันมีผู้ให้บริการแอปพลิเคชันหลายรายในประเทศไทย ซึ่งแต่ละแอปก็มีจุดเด่นที่แตกต่างกันไป การมีแอปพลิเคชันเหล่านี้ติดเครื่องไว้จะช่วยให้การค้นหาสถานี การตรวจสอบสถานะ และการวางแผนการเดินทางเป็นเรื่องง่ายและแม่นยำยิ่งขึ้น
คุณสมบัติ | EV Station PluZ | EVolt | PlugShare |
---|---|---|---|
จำนวนสถานี | มากกว่า 560 แห่งทั่วประเทศ (เครือข่าย ปตท.) | เครือข่ายพันธมิตรหลากหลาย | รวบรวมข้อมูลจากทุกเครือข่าย รวมถึง Tesla |
การจองล่วงหน้า | สามารถจองหัวชาร์จล่วงหน้าได้ | ไม่รองรับ | ไม่รองรับ (แต่สามารถเช็คอินได้) |
การควบคุมผ่านแอป | เช็คสถานะและจอง | สามารถสั่งเริ่ม-หยุดการชาร์จได้ | ไม่สามารถควบคุมการชาร์จได้โดยตรง |
ข้อมูลจากผู้ใช้ | มีระบบรีวิวเบื้องต้น | มีระบบรีวิวเบื้องต้น | โดดเด่นด้านรีวิวและรูปภาพจากผู้ใช้งานจริง |
จุดเด่น | ความน่าเชื่อถือและจำนวนสถานีในเครือข่าย ปตท. | ความสะดวกในการควบคุมการชาร์จผ่านแอปเดียว | ข้อมูลครอบคลุมทุกค่ายและรีวิวประกอบการตัดสินใจ |
EV Station PluZ: เครือข่ายครอบคลุมพร้อมระบบจอง
พัฒนาโดย ปตท. ซึ่งเป็นผู้ให้บริการพลังงานรายใหญ่ของประเทศ ทำให้ EV Station PluZ มีจุดแข็งในเรื่องของจำนวนสถานีที่ครอบคลุมทั่วประเทศ โดยมีมากกว่า 560 แห่ง ส่วนใหญ่ตั้งอยู่ในสถานีบริการน้ำมัน ปตท. ซึ่งมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ฟีเจอร์ที่โดดเด่นที่สุดของแอปนี้คือความสามารถในการจองหัวชาร์จล่วงหน้า ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างมากในช่วงเทศกาลที่การแข่งขันเพื่อเข้าใช้บริการสูง ผู้ใช้สามารถตรวจสอบสถานะของหัวชาร์จแต่ละหัวว่าเป็น “ว่าง” “กำลังใช้งาน” หรือ “ไม่พร้อมใช้งาน” และทำการจองคิวได้ทันที ช่วยลดความไม่แน่นอนในการเดินทางได้อย่างมีประสิทธิภาพ
EVolt: ควบคุมการชาร์จสะดวกผ่านปลายนิ้ว
EVolt เป็นอีกหนึ่งผู้ให้บริการที่มีเครือข่ายสถานีชาร์จเป็นของตนเองและพันธมิตรในหลายพื้นที่ จุดเด่นของแอปพลิเคชัน EVolt คืออินเทอร์เฟซที่ใช้งานง่ายและฟังก์ชันที่เน้นความสะดวกสบายของผู้ใช้ โดยสามารถแสดงระยะทางจากตำแหน่งปัจจุบันไปยังสถานีชาร์จที่ใกล้ที่สุด และที่สำคัญ ผู้ใช้สามารถสั่งเริ่มและหยุดการชาร์จได้โดยตรงจากแอปพลิเคชัน ทำให้กระบวนการทั้งหมดตั้งแต่การค้นหา การนำทาง ไปจนถึงการใช้งานเป็นไปอย่างราบรื่นและครบวงจรภายในแอปเดียว
PlugShare: ชุมชนผู้ใช้ EV ที่แบ่งปันข้อมูลจริง
PlugShare มีความแตกต่างจากสองแอปแรกตรงที่เป็นแพลตฟอร์มแบบ Crowdsourcing ที่รวบรวมข้อมูลสถานีชาร์จจากผู้ให้บริการทุกค่าย รวมถึงสถานีของ Tesla และจุดชาร์จส่วนบุคคลที่เปิดให้บริการ จุดแข็งที่สุดของ PlugShare คือข้อมูลรีวิวจากผู้ใช้งานจริง ผู้ใช้สามารถแบ่งปันประสบการณ์การใช้งานสถานีนั้นๆ อัปโหลดรูปภาพล่าสุดของสถานี แจ้งสถานะว่าหัวชาร์จใช้งานได้จริงหรือไม่ ซึ่งข้อมูลเหล่านี้มีความสดใหม่และเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการประกอบการตัดสินใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อต้องเลือกสถานีชาร์จสำรองในพื้นที่ที่ไม่คุ้นเคย
เคล็ดลับขับ EV เที่ยวไกลให้สบายใจไร้กังวล
นอกเหนือจากการวางแผนเส้นทางและมีแอปพลิเคชันที่ดีแล้ว ยังมีเคล็ดลับและเทคนิคอีกหลายประการที่จะช่วยยกระดับประสบการณ์การเดินทางไกลด้วยรถยนต์ไฟฟ้าให้ดียิ่งขึ้น การเตรียมความพร้อมทั้งในส่วนของตัวรถและผู้ขับขี่ จะช่วยลดปัญหาที่อาจเกิดขึ้นระหว่างทางและทำให้ทริปปีใหม่เป็นช่วงเวลาแห่งความสุขอย่างแท้จริง
เลือกจุดพักชาร์จที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การเดินทาง
การชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าไม่ใช่เพียงแค่การเติมพลังงาน แต่ยังเป็นโอกาสในการหยุดพักของผู้ขับขี่และผู้โดยสารด้วย ดังนั้น การเลือกจุดพักจึงควรพิจารณามากกว่าแค่การมีหัวชาร์จว่าง
“การวางแผนให้ช่วงเวลาการชาร์จแบตเตอรี่ (ประมาณ 30-45 นาที) ตรงกับช่วงเวลารับประทานอาหารมื้อหลักหรือพักดื่มกาแฟ จะทำให้การรอคอยกลายเป็นการใช้เวลาอย่างคุ้มค่าและช่วยลดความเหนื่อยล้าจากการขับรถทางไกล”
มองหาสถานีชาร์จที่ตั้งอยู่ในจุดพักรถขนาดใหญ่ (Rest Area) ศูนย์การค้า หรือคอมมูนิตี้มอลล์ ซึ่งมักจะมีร้านอาหารหลากหลายประเภท ห้องน้ำที่สะอาด และพื้นที่สำหรับพักผ่อนหย่อนใจ การทำเช่นนี้ไม่เพียงแต่ช่วยประหยัดเวลา แต่ยังทำให้การเดินทางมีความรื่นรมย์มากขึ้นอีกด้วย
การเตรียมความพร้อมของรถยนต์ไฟฟ้าก่อนเดินทาง
ก่อนออกเดินทางไกล ควรมีการตรวจสอบสภาพรถยนต์ไฟฟ้าเบื้องต้นเพื่อให้แน่ใจว่ารถอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ที่สุด:
- ตรวจสอบลมยาง: ลมยางที่เหมาะสมตามที่ผู้ผลิตกำหนดจะช่วยลดแรงต้านการหมุนและทำให้รถยนต์วิ่งได้ระยะทางไกลขึ้น
- สุขภาพแบตเตอรี่: หากรถมีฟังก์ชันตรวจสอบสุขภาพแบตเตอรี่ (Battery Health) ควรเช็คดูว่ายังอยู่ในเกณฑ์ปกติ
- ชาร์จแบตเตอรี่ให้เต็ม 100%: ในคืนก่อนออกเดินทาง ควรชาร์จแบตเตอรี่ให้เต็ม 100% เพื่อให้มีระยะทางเริ่มต้นที่ไกลที่สุด
- อุปกรณ์ฉุกเฉิน: เตรียมสายชาร์จฉุกเฉิน (Portable Charger) ที่สามารถเสียบกับปลั๊กไฟบ้านทั่วไปได้ติดรถไว้ เผื่อในกรณีฉุกเฉินจริงๆ
การบริหารจัดการเวลาในการเดินทางอย่างมีประสิทธิภาพ
การเดินทางด้วยรถ EV ต้องมีการบริหารจัดการเวลาที่แตกต่างออกไป ควรเผื่อเวลาสำหรับการชาร์จในแต่ละจุดไว้ในแผนการเดินทางอย่างน้อย 45-60 นาทีต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง นอกจากนี้ ควรพยายามหลีกเลี่ยงการเดินทางในช่วงเวลาที่คาดว่าจะมีการจราจรหนาแน่นที่สุด เพราะการขับขี่ในสภาพรถติดจะสิ้นเปลืองพลังงานแบตเตอรี่มากกว่าการขับขี่ด้วยความเร็วคงที่บนทางหลวง การออกเดินทางเช้ากว่าปกติหรือเลือกเดินทางในวันที่คนส่วนใหญ่ยังไม่เริ่มเดินทาง อาจช่วยให้ไปถึงสถานีชาร์จได้เร็วกว่าและมีคิวน้อยกว่า
มองอนาคต: เทคโนโลยีรถ EV สำหรับการเดินทางไกลในปี 2025-2026
อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้ามีการพัฒนาอย่างไม่หยุดนิ่ง โดยผู้ผลิตต่างแข่งขันกันเพื่อพัฒนานวัตกรรมที่ตอบโจทย์การใช้งานในชีวิตประจำวันและการเดินทางไกลได้ดียิ่งขึ้น สำหรับผู้ที่กำลังพิจารณาเปลี่ยนมาใช้รถ EV หรือผู้ใช้ปัจจุบันที่มองหารถคันใหม่ มีเทคโนโลยีและรถยนต์รุ่นใหม่ๆ ที่น่าจับตามองในช่วงปี 2025-2026 ซึ่งจะเข้ามาช่วยแก้ปัญหาและข้อจำกัดของการเดินทางไกลด้วยไฟฟ้าได้อย่างมีนัยสำคัญ
Avatr 07 รุ่นปี 2026: ก้าวข้ามขีดจำกัดด้วย EREV และระบบชาร์จเร็ว
Avatr 07 เป็นหนึ่งในรถยนต์ที่น่าสนใจซึ่งคาดว่าจะเปิดตัวในอนาคตอันใกล้ โดยมาพร้อมกับทางเลือกสองระบบขับเคลื่อน คือ รุ่นไฟฟ้าล้วน (EV) และรุ่น EREV (Extended Range Electric Vehicle) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ใช้เครื่องยนต์ขนาดเล็กทำหน้าที่ปั่นไฟฟ้าเพื่อไปเก็บในแบตเตอรี่โดยไม่ได้ขับเคลื่อนล้อโดยตรง ทำให้สามารถวิ่งได้ไกลขึ้นอย่างมหาศาล
ในรุ่น EV คาดว่าจะมีระยะทางวิ่ง 195-333 กิโลเมตรต่อการชาร์จ แต่ไฮไลท์อยู่ที่รุ่น EREV ที่สามารถทำระยะทางรวม (ไฟฟ้า+น้ำมัน) ได้สูงสุดถึง 1,200 กิโลเมตร ซึ่งเทียบเท่าหรือมากกว่ารถยนต์สันดาปทั่วไป นอกจากนี้ Avatr 07 ยังมาพร้อมกับระบบชาร์จเร็ว 5C ที่เป็นเทคโนโลยีล่าสุด สามารถชาร์จแบตเตอรี่จาก 30% ถึง 80% ได้ในเวลาไม่ถึง 10 นาที ซึ่งจะปฏิวัติประสบการณ์การเดินทางไกลด้วยรถ EV ไปอย่างสิ้นเชิง
BYD Seal 5 DM-I Super Hybrid 2025: ตัวเลือก Plug-in Hybrid เพื่อระยะทางที่ไกลกว่า
สำหรับผู้ที่ยังไม่พร้อมจะเปลี่ยนไปใช้รถยนต์ไฟฟ้าเต็มรูปแบบ รถยนต์ Plug-in Hybrid (PHEV) ถือเป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมในการเปลี่ยนผ่าน BYD Seal 5 DM-I Super Hybrid รุ่นปี 2025 เป็นอีกหนึ่งโมเดลที่น่าจับตา รถยนต์ประเภทนี้มีทั้งเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้า พร้อมแบตเตอรี่ที่สามารถชาร์จไฟจากภายนอกได้ ทำให้สามารถวิ่งในโหมดไฟฟ้าล้วนได้ในระยะทางหนึ่ง (เหมาะกับการใช้งานในเมือง) และเมื่อต้องเดินทางไกล ก็สามารถใช้ระบบไฮบริดที่ผสานการทำงานของเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้า ทำให้ได้ทั้งประสิทธิภาพและความประหยัด พร้อมระยะทางรวมที่ไกลมาก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ต้องการความยืดหยุ่นในการเดินทางโดยไม่ต้องกังวลเรื่องการหาสถานีชาร์จในพื้นที่ห่างไกล
บทสรุปและการเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับทริปส่งท้ายปี
การเดินทางไกลด้วยรถยนต์ไฟฟ้าในช่วงเทศกาลปีใหม่ไม่ใข่เรื่องน่ากังวลอีกต่อไป หากมีการเตรียมความพร้อมและการวางแผนที่ดี การ ขับ EV เที่ยวปีใหม่! เช็คสถานีชาร์จเส้นทางยอดฮิต สามารถทำได้อย่างมั่นใจและราบรื่น ด้วยเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพอย่างแอปพลิเคชันค้นหาสถานีชาร์จ ซึ่งช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถตรวจสอบตำแหน่ง สถานะ และจองคิวล่วงหน้าได้แบบเรียลไทม์ การเลือกจุดพักที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันจะช่วยเปลี่ยนช่วงเวลาการรอชาร์จให้เป็นการพักผ่อนที่มีคุณภาพ
หัวใจสำคัญของการเดินทางด้วยรถ EV คือการวางแผนอย่างรอบคอบ ตั้งแต่การเลือกเส้นทางที่มีสถานีชาร์จหนาแน่น การมีแผนสำรอง ไปจนถึงการบริหารจัดการเวลาอย่างเหมาะสม นอกจากนี้ อนาคตของเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้ายังคงสดใส โดยรถยนต์รุ่นใหม่ๆ ที่กำลังจะเปิดตัวมาพร้อมกับนวัตกรรมที่ช่วยเพิ่มระยะทางและลดระยะเวลาการชาร์จลงอย่างมาก ซึ่งจะทำให้การเดินทางไกลด้วยพลังงานสะอาดเป็นเรื่องที่ง่ายและสะดวกสบายสำหรับทุกคน
สำหรับเทศกาลปีใหม่ที่กำลังจะมาถึงนี้ ขอแนะนำให้ผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้าทุกท่านเริ่มวางแผนการเดินทางตั้งแต่วันนี้ ดาวน์โหลดแอปพลิเคชันที่จำเป็น ศึกษาเส้นทาง และเตรียมรถยนต์ให้พร้อม เพื่อให้ทริปการเดินทางของท่านเต็มไปด้วยความสุข ความปลอดภัย และเป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนสู่สังคมคาร์บอนต่ำอย่างยั่งยืน